อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว แบบ New Normal เริ่ม 16 ตุลาคม นี้ สอดรับนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
ตามที่อุทยานแห่งชาติแจ้ช้อน จังหวัดลำปาง ได้มีประกาศลงวันที่ 13 เมษายน 2564 เรื่อง ปิดแหล่งท่องเที่ยว และการพักค้างแรมของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเป็นการชั่วคราว เพื่อปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้ทำการปิดการท่องเที่ยวและพักค้างแรมตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นั้น
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ได้พิจารณาเห็นว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดลำปางอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ ประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับประกาศจังหวัดลำปาง ฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤติการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้มีมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนเดินทางและประกอบกิจกรรมได้มากขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรมชาติของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ ซึ่งเป็นไปตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฉบับลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เรื่อง ยกเลิกประกาศปิดการท่องเที่ยว ประจำปี (ฉบับที่ 2) จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบกับระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2563 เปิดแหล่งท่องเที่ยวและการพักแรมของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนทุกแหล่ง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และมาตรการการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติวิถีใหม่ (New Normal ของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ย่างเคร่งครัด โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร. 089 851 3355 ได้ทุกวันในเวลาราชการ
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง “เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว” เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป โดยระบุว่า ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าไทยโดยทางอากาศ โดยมาจากประเทศที่กำหนดว่าเป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ ทุกคนต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ผลเป็นลบ ซึ่งตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย สำหรับ 10 ประเทศความเสี่ยงต่ำ เบื้องต้น อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ 1 ธันวาคม และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1 มกราคม 2565 จะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ภายในวันที่ 1 ธันวาคม จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิง เปิดให้บริการได้ อย่างไรก็ตาม หากในช่วงสองสามเดือน หรือสี่เดือนข้างหน้า มีสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากๆ เกิดขึ้นอีก จะต้องมีการจัดมาตรการที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดี มาจัดการคุมสถานการณ์เอาไว้ให้
หลังจากที่ประเทศไทยตั้งเป้า 120 วัน ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อจัดหาวัคซีนมาให้ได้เพิ่มมากขึ้น การรับส่งมอบวัคซีนของประเทศไทยเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ถึง 3 เท่าทันที ขณะนี้ได้รับส่งมอบวัคซีนเข้าประเทศ ถึงมากกว่า 20 ล้านโดสต่อเดือนไปจนถึงสิ้นปี รวมเป็นวัคซีนมากกว่า 170 ล้านโดส ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมาก
https://region3.prd.go.th/region3_ci/topic/news/39168